หน้าแรก 9 THE HIGHLIGHTS 9 ใช้ชีวิตเพื่อรับใช้ : ออย-ศศิภรณ์ ศรีธิเป็ง

ใช้ชีวิตเพื่อรับใช้ : ออย-ศศิภรณ์ ศรีธิเป็ง

ออย-ศศิภรณ์ ศรีธิเป็ง

ศิษย์เก่า โครงการพัฒนาเด็ก คริสตจักรผาสุก

เมื่อชวนคุยถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ออย-ศศิภรณ์ ศรีธิเป็ง ศิษย์เก่าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากคอมแพสชั่นได้นิยามเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัย 26 ปีในปัจจุบันไว้ว่า เป็นชีวิตที่ใช้ไปเพื่อรับใช้พระเจ้า

“ถ้าไม่ได้รับใช้คงเหมือนมีอะไรขาดหายไป เพราะที่มีชีวิตอยู่ตอนนี้ก็เพื่อรับใช้พระเจ้า” แววตาที่มุ่งมั่นเหลือเกินก่อให้เกิดความสงสัยจนต้องเอ่ยถามถึงที่มาของแนวคิดในการใช้ชีวิต ซึ่งจุดเริ่มต้นของคำตอบนั้นก็ย้อนไปไกลหลายปีทีเดียว

ออยเล่าถึงช่วงแรกเข้าโครงการเมื่อเธออายุราว 11 ปี โดยการแนะนำของคนรู้จักที่บอกกับครอบครัวของเธอว่าจะมีโครงการของคอมแพสชั่นมาร่วมเป็นคู่มิตรกับคริสตจักรผาสุก อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ในละแวกบ้านของครอบครัวพอดี ทำให้ในเวลาต่อมาทุกคนในครอบครัวของเธอได้ย้ายจากคริสตจักรเดิมมาเป็นสมาชิกประจำที่คริสตจักรผาสุกกันหมด ส่วนออยก็กลายเป็นพี่โตสุดรุ่นแรกของโครงการ

ออยมองว่าโครงการทำให้เธอได้เรียนรู้และรับการฝึกฝนทักษะต่างๆ มากมายจนกลายเป็นความสามารถที่ติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน ดังเช่นทักษะการเป็นผู้นำที่ได้เรียนรู้จากการไปเข้าค่ายของโครงการในแต่ละครั้ง อาจด้วยความที่เป็นรุ่นพี่โตสุดจึงทำให้เธอต้องรับบทบาทในการดูแลน้องๆ และช่วยนำกิจกรรมไปโดยปริยาย

“จำได้ว่าตอนเข้าโครงการใหม่ๆ เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่  เดิมเราเป็นเด็กอารมณ์ร้อน ไม่ยิ้มแย้ม พูดไม่เพราะ แต่พอหลังจากได้ไปค่ายก็ทำให้เราได้รู้จุดอ่อนของตัวเองผ่าน workshop ต่างๆ เลยพยายามปรับแก้ข้อบกพร่องนี้มาเรื่อยๆ ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาตัวเองจนเข้าสังคมได้ง่ายขึ้น  จนกลายเป็นทักษะติดตัวในชีวิตอย่างหนึ่งไปเลย”

ออยกล่าวเสริมอีกว่ากิจกรรมการร่วมค่ายของโครงการในแต่ละครั้งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สร้างให้เด็กขี้อายอย่างเธอกลายเป็นคนกล้าแสดงออกและเป็นที่รักของคนรอบข้างอย่างทุกวันนี้ เพราะค่ายได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ทำให้รู้จักและเข้าใจตัวเองมากขึ้น ได้เห็นทั้งจุดอ่อน และจุดแข็งของตัวเอง จนสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในหลายๆ ด้าน

นอกจากกิจกรรมออกค่ายแล้ว สิ่งที่ออยประทับใจในช่วงชีวิตที่เป็นเด็กของโครงการก็คือการได้ลองเป็นครูตั้งแต่กำลังศึกษาในระดับ ม.3 จากโอกาสที่โครงการหยิบยื่นให้ ด้วยประสบการณ์ที่ออยได้ไปร่วมกิจกรรมค่ายและเข้าอบรมอยู่เสมอ ประกอบกับการเป็นรุ่นพี่โตสุดที่ได้ศึกษาบทเรียนจากหลักสูตรพัฒนาองค์รวมของคอมแพสชั่นมาก่อน ทำให้เธอได้เริ่มรับใช้ด้วยการสอนเด็กๆ จากความรู้และประสบการณ์ที่ตัวเองเคยได้รับมา โดยคอมแพสชั่นส่งบทเรียนต่างๆ ที่แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านการเรียนรู้, ด้านสุขภาพ, ด้ายจิตวิญญาณ และด้านสังคม มาให้เพื่อเป็นคู่มือในการสอน นับว่าเป็นการทำงานครั้งแรกที่ทำให้เธอดึงศักยภาพในตัวออกมาใช้อย่างเต็มที่และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นจนรู้สึกสนุกกับงานรับใช้

“โครงการทำให้เราชอบรับใช้ และมีความสุขกับตรงนี้”

พอได้เจอกับความสุขของตัวเอง ออยก็ได้โอกาสรับใช้มากขึ้นด้วยการเป็นกรรมการเขตของสภาคริสตจักรในตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหรัญญิก เลขา เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยจัดค่าย จัดฟื้นฟู จัดงานต่างๆ รวมถึงทำหน้าที่เป็นประธานอนุชนในระยะเวลาหนึ่งด้วย

การใช้ชีวิตก็เป็นงานรับใช้อย่างหนึ่ง… ปัจจุบันออยทำงานในตำแหน่งพนักงานพัฒนาคุณภาพที่โรงพยาบาลโอเวอร์บรู๊คซึ่งเป็นองค์กรคริสเตียนในเครือสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย สิ่งที่เธอมองว่าเป็นงานรับใช้ในที่ทำงานคือการใช้ชีวิตเป็นแสงสว่าง โดยพยายามเป็นแบบอย่างของคริสเตียนที่ดี ดังเช่นการอ่านข้อพระคัมภีร์จากมานาประจำวันหนุนใจพี่ๆ ในที่ทำงาน ชวนอธิษฐานก่อนรับประทานอาหารเสมอ และเล่าพระคัมภีร์หนุนใจเมื่อเกิดความตึงเครียดจากการทำงาน ออยก็ช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่เมื่อมีคนเรียกหา ทำให้เธอเป็นที่รักของเพื่อนๆ และในที่ทำงานภายในระยะการทำงานเพียง 2 ปี

ส่วนบทบาทในครอบครัวก็ไม่เคยละทิ้ง เธอยังคอยติดต่อเพื่อดูแลน้องสาวที่ยังใช้ชีวิตในโครงการอยู่ตลอด เพราะความที่พ่อแม่อายุห่างจากน้องมากจึงทำให้เธอกลายเป็นเหมือนผู้ปกครองที่รับฟัง อบรม และให้คำปรึกษา ซึ่งจากทุกบทบาทจากทั้งในคริสตจักร ในที่ทำงาน รวมถึงในครอบครัว ออยมองว่าตัวเองกำลังรับใช้โดยการประกาศเรื่องราวของพระเจ้าให้กับคนรอบตัวผ่านการกระทำของเธอ และยังนึกขอบคุณพระเจ้าเสมอที่มอบความสามารถ สติปัญญา และกำลังใจในการรับใช้มาเป็นพระพร

“พอโตขึ้นก็รู้สึกว่าอยากมีโอกาสรับใช้ไปเรื่อยๆ เพราะมันดีมาก และทำให้ชีวิตของเราแต่ละวันไม่น่าเบื่อ  เราได้เติบโตมาอย่างดีในโครงการ จนเป็นรุ่นพี่ที่มีศักยภาพเลยอยากแบ่งปันสิ่งที่เราได้รับและสิ่งที่เป็นอยู่ให้กับน้องๆ  ทั้งเรื่องการรับใช้และการมีชีวิตที่อยู่ในทางของพระเจ้าว่ามันดีแค่ไหน”

แม้จะถึงวัยทำงานที่มีเวลาว่างน้อยลง แต่เธอก็ยังยืนยันจะรับใช้ต่อไปโดยมีบทบาทเป็นมัคนายกในคริสตจักร และกำลังจะร่วมโครงการพี่เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณที่จัดขึ้นเพื่อดูแลกลุ่มอนุชน ส่วนเรื่องของอนาคต ออยตั้งใจว่าอยากรับใช้ด้วยการลงตำแหน่งประจำภาคในสภาคริสตจักรช่วงปีถัดไป แต่จะอยู่ในตำแหน่งอะไร หรือไม่ได้รับใช้ในส่วนนี้เลยก็ตามแต่การทรงนำของพระเจ้า อย่างไรก็ตามออยยืนยันว่า เธอจะยอมให้พระเจ้าใช้ ไม่ว่าพระองค์จะเรียกให้ทำอะไร จนมีลูกมีครอบครัวก็ยังจะใช้ชีวิตเพื่อรับใช้อย่างที่เคยทำ

ข่าว-บทความ ล่าสุด
แนะนำมูลนิธิฯ